จริงหรือไม่ ที่นักกีฬาแข่งรถยนต์ มีเคล็ดลับการขับรถที่เหนือกว่าการขับรถแบบทั่วไป?

หลายคนอาจสงสัยว่าจริง ๆ แล้วนักกีฬาแข่งรถนั้นมีทักษะอะไรทางด้านการขับขี่ที่เหนือกว่าคนที่ขับรถเป็นทั่ว ๆ ไปบ้าง หรือไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลย เพียงแค่ขับให้เร็วขึ้นเท่านั้น ความจริงแล้วกีฬาแข่งรถยนต์นั้นมีเงื่อนไขในการขับขี่อยู่เพียง 2 ประการคือเข้าเส้นชัยให้เร็ว และขับอย่างปลอดภัย ประเด็นการเข้าเส้นชัยให้เร็วคิดว่าใครก็คงทราบเทคนิคว่าก็ขับให้เร็วเท่านั้น แต่ประเด็นการขับให้ปลอดภัยนี่สิ น่าสนใจ…เพราะการขับรถด้วยความเร็วสูง ๆ นั้นจะมีเคล็ดลับการขับอย่างไรให้ปลอดภัยล่ะ

7 เคล็ดลับ การขับขี่อย่างปลอดภัยที่ควรจะเรียนรู้จากนักแข่งรถ

เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ทุกช่วงของการเดินทางและการขับขี่บนพื้นถนนที่ไม่ปกติได้อีกด้วย

  1. ใช้สายตาดังกล้องถ่ายภาพ เริ่มต้นจากการใช้สายตาและสมองก่อนเลย การใช้สายตาในการขับรถนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นมาก การขับขี่ที่ดีควรมีการมองกวาดไปดูรอบ ๆ ตัวบ้าง ดูเส้นทางและสถานการณ์ด้านหน้าในระยะไกล ๆ บ้าง เพื่อให้สมองจดจำภาพเหมือนกับการถ่ายภาพเก็บไว้เป็นภาพไป เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉิน สมองจะทำการประมวลผลจากภาพที่ใช้ตามองจับนั้นไว้เพื่อให้เกิดการคาดการณ์ล่วงหน้าถึงแนวทางในการป้องกันตัวเองได้อย่างทันท่วงที
  2. เบรกด้วยเท้าซ้ายปลอดภัยกว่า อาจรู้สึกขัดความรู้สึกไปสักนิด แต่นักแข่งรถใช้เท้าซ้ายในการเบรกจริง ๆ เพราะการเท้าซ้ายอยู่ใกล้เบรกมากกว่า สามารถลดระยะเวลาในการเบรกได้มากกว่าการเบรกด้วยการใช้เท้าขวาเมื่อเทียบเป็นระยะทางก็สั้นกว่าประมาณ 25 – 45 เมตรเลยทีเดียว
  3. เคลื่อนไหวให้น้อย เน้นการควบคุมรถ มีนักขับหลายคนเข้าใจว่าการควบคุมรถไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนเกียร์บ่อย ๆ การเบรกหรือเร่งเครื่องอยู่เสมอแสดงถึงทักษะชั้นยอดของนักขับ แต่สำหรับนักขับชั้นยอดจริง ๆ แล้วสิ่งที่โฟกัสเพียงอย่างเดียวคือการควบคุมรถโดยละทิ้งการเคลื่อนไหวที่เปล่าประโยชน์ไปให้มากที่สุดต่างหาก ความเร็วพยายามรักษาให้คงที่เพื่อไม่ต้องคอยเปลี่ยนเกียร์บ่อย ๆ ให้สมาธิจดจ่ออยู่ที่การควบคุมการเคลื่อนที่เท่านั้น
  4. บังคับ 2 มือมั่นคงกว่ามือเดียว เป็นความเข้าใจผิดอีกอย่างเหมือนกันสำหรับนักขับทั่ว ๆ ไปว่าการบังคับรถให้เลี้ยวในขณะที่มือหนึ่งแตะพร้อมที่การเปลี่ยนเกียร์ส่วนอีกมือหนึ่งบังคับพวงมาลัยให้เลี้ยว แต่สำหรับนักแข่งรถแล้วจะให้ความสำคัญกับการบังคับรถมาก ๆ สองมือประคองพวงมาลัยเพื่อให้เกิดความมั่นคงในการขับเข้าโค้งมากที่สุด สองมือที่ประคองนี้จะสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางในการเคลื่อนที่แบบกะทันหันได้อย่างดีที่สุด
  5. ควบคุมได้แม้ไถลลื่น ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างรถที่กำลังขับเกิดการไถลลื่น สิ่งที่ควรทำเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุดคืออะไร การไถลลื่นไม่ใช่การ drift นะไม่เหมือนกัน การ drift เป็นความจงใจของนักแข่งที่ต้องการควบคุมให้รถเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการในขณะที่ยังคงรักษาความเร็วไว้อยู่ แต่การไถลลื่นนั้นมาจากสาเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจ วิธีการควบคุมรถคือการควบคุมสติมุ่งเป้าสายตาไปยังตำแหน่งที่ต้องการให้รถไถลไปหยุด จากนั้นพยายามควบคุมพวงมาลัยให้รถเคลื่อนที่ไปยังจุดที่ต้องการนั้น ในขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ แตะเบรกช้า ๆ เป็นระยะเพื่อควบคุมสมดุลของรถ
  6. ขับขี่ปลอดภัยแม้ขับบนพื้นเปียก ไม่มีข้อสงสัยอะไรเลยสำหรับพื้นผิวถนนที่เปียกนั้นย่อมอันตรายกว่าปกติแน่นอน สิ่งที่ควรทำก็คือการควบคุมให้รถวิ่งไปตามช่องทางให้ได้ โดยพยายามรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าและคันหลัง ในขณะที่สายตาก็มองหาบริเวณที่อาจลื่นเพื่อจะได้ระวังและเตรียมตัวให้พร้อม
  7. เอาตัวรอดให้เป็นเมื่อยางระเบิด เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน โอกาสเกิดน้อยแต่หากเกิดขึ้นก็ควรรู้วิธีเอาตัวรอดให้เป็น ในสถานการณ์เช่นนี้นักขับมืออาชีพจะพยายามควบคุมรถที่สูญเสียการควบคุมให้เคลื่อนที่เป็นทางตรง ไม่เบี่ยงออกนอกเส้นทาง ไม่พยายามเบรกกะทันหัน แต่จะรอให้ความเร็วช้าลงจนพอที่จะจอดได้จึงจะจอด การควบคุมรถด้วยวิธีนี้จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยทั้งตัวเองและผู้ร่วมทางด้วย

บทสรุปสำคัญจากเคล็ดลับการขับขี่จากนักกีฬาแข่งรถมืออาชีพ               

นักขับรถมืออาชีพจะไม่ได้มุ่งเน้นที่การขับขี่ให้รวดเร็วที่สุด หรือขับขี่ให้ดูเท่ห์น่าสนใจมากที่สุด แต่หัวใจสำคัญคือขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด ทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมถนนทุกคน นี่เป็นสิ่งที่นักขับทุกควรพึงระลึกไว้เสมอ ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้กันดู จะเป็นประโยชน์ทั้งการพัฒนาการขับขี่ของตัวคุณเองและยังดีกับเรื่องความปลอดภัยของคุณอีกด้วยนะ

Credit : https://cdn.pixabay.com/photo/2016/03/26/22/32/fast-1281628_960_720.jpg

รถยนต์คลาสสิค น่าสนใจที่จะเลือกหาซื้อมาขับหรือไม่

รถยนต์คลาสสิคเป็นรถยนต์ในฝันของใครหลาย ๆ คน ที่ชื่นชอบรูปแบบและวัสดุของรถดั้งเดิม ที่ผ่านการออกแบบมาได้อย่างสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนกับรถยนต์สมัยใหม่ รถคลาสสิคมีเสน่ห์ให้นักสะสมรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ แต่การเลือกซื้อรถเพื่อเป็นเจ้าของรถคลาสสิคดี ๆ สักคันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่งการจะเลือกซื้อสักคันบางคนใช้เวลาสะสมเงินมาเกือบทั้งชีวิตเลยกว่าจะได้มา แต่หากเลือกไม่เป็นแทนที่จะได้รถดี ๆ ที่ต้องการมาขับให้โก้ ก็จะกลายเป็นซื้อรถเพื่อมาซ่อมไม่รู้จักจบสิ้น ดังนั้นใครที่สนใจจะเลือกซื้อรถคลาสสิคคงต้องศึกษาวิธีการเลือกและตรวจเช็ครถก่อนซื้อกันให้ดีเสียก่อน

เคล็ดลับในการเลือกซื้อและบำรุงรักษารถคลาสสิค สำหรับมือใหม่

  1. วิเคราะห์การเติมน้ำมัน สำหรับเคล็ดลับการเลือกรถคลาสสิคนั้น มือใหม่จริง ๆ ก็ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มพิจารณาจากสิ่งใดดี จึงจะทราบได้ว่ารถที่กำลังดูอยู่นั้นสภาพดีหรือไม่ มีวิธีการหนึ่งที่ง่าย สะดวกมาก โดยพิจารณาว่าหากรถที่มีการใช้งานเป็นปกติแน่นอนว่าต้องมีการเติมน้ำมันอยู่เสมอ การสังเกตบริเวณถังน้ำมันว่ามีสภาพใหม่เป็นปกติดีหรือไม่ก็สะดวกดี หากรถไม่มีการใช้งานบริเวณถังน้ำมันมักจะมีคราบน้ำที่เกิดจากความชื้นในอากาศให้สังเกตได้
  2. แบตเตอรี่ ปลั๊กและเบลท์ แบตเตอรี่ที่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีจะต้องถอดสายไว้ จากนั้นค่อยเสียบสายชาร์จคืนในช่วงฤดูหนาวแทน สำหรับปลั๊กควรทำความสะอาดอยู่เสมอ ถ้าเริ่มเสื่อมสภาพควรทำการเปลี่ยนให้เรียบร้อย เช่นเดียวกันกับสายหัวเทียนและหัวจ่ายไฟ สนุกไปกับการเลือกและดูแลรักษารถ สายเบลท์หากชำรุดต้องรีบเปลี่ยนทันที เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัย
  3. การเช็คระบบของเหลวทุกอย่าง เช็คระบบของเหลวทุกส่วน กระจกหน้ารถก็ต้องเช็คน้ำยาฉีดล้างกระจกโดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนกระจกจะแห้ง อาจมีทั้งเศษฝุ่นเศษแมลงเกาะติดมากเป็นพิเศษ น้ำมันเบรกก็ต้องเติมให้อยู่ในระดับที่กำหนดไว้เสมอ น้ำยาหล่อเย็นต้องเติมไว้เสมอเพราะช่วยถนอมเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่องให้ทำการตรวจเช็คระดับ หรือเปลี่ยนตามรอบที่เหมาะสม
  4. ลองสตาร์ท รถที่มีการใช้งานและดูแลอย่างสม่ำเสมอต้องสตาร์ทติดง่าย วิธีการเช็คก็เพียงแค่ลองสตาร์ทดู หากสตาร์ทติดง่ายก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารถคนนี้ได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี แต่ต้องไม่ลืมฟังเสียงเครื่องยนต์ด้วยว่าต้องไม่ผิดปกติ เรื่องนี้ไม่ยากคือ รถที่ใช้งานได้ดีเครื่องยนต์จะเดินเรียบไม่กระตุก ไม่สะดุด ไอเสียที่ออกมาจากท่อไอเสียต้องไม่ขาวหรือดำเกินไป อย่าลืมของเหยียบเบรกและดึงเบรกมือเพื่อดูการทำงานของระบบเบรก รถที่จอดไว้นานระบบเบรกอาจมีการติดขัดได้

มีสิ่งใดที่ควรตรวจสอบให้แน่ใจ ก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ

หากเป็นไปได้ควรนำรถไปขับทดสอบเพื่อดูสมดุลของรถในขณะขับขี่ หากปล่อยพวงมาลัยแล้วรถควรจะยังคงวิ่งต่อไปในแนวตรง หากไม่เป็นเช่นนั้นให้ลองตรวจสอบลมยางก่อน แล้วจึงเช็คศูนย์รถ หากทั้งลมยางและศูนย์รถเป็นปกติดีแต่รถไม่สามารถวิ่งไปในแนวตรงได้เมื่อปล่อยพวงมาลัย ก็สันนิษฐานได้ว่ารถผ่านการเกิดอุบัติเหตุมา                

เมื่อทำการทดสอบทุกขั้นตอนอย่างมั่นใจแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่คุณจะตัดสินใจแล้วล่ะ

Credit : https://cdn.pixabay.com/photo/2018/01/29/16/36/auto-3116534_960_720.jpg